ปัจจุบัน ถ้ำอชันต้าได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลก เพราะความดีเด่น ๓ ประการ คือ ๑) สถาปัตยกรรม การแกะสลักหินเข้าไปเป็นถ้ำที่สวยงามอย่างละเมียดละไม ๒) จิตรกรรม มีภาพวาดด้านในที่สวยงามสูงเด่นในคุณค่าไม่แพ้กัน ๓) ประติมากรรม มีการแกะสลักพระพุทธรูปที่สวยงามได้สัดส่วนอ่อนช้อยมีทั้งหมด ๓๐ ถ้ำ
ถ้ำหมายเลข ๒ ถ้ำนี้เป็นของฝ่ายมหายาน
ห้องโถงด้านในมีขนาดเล็กกว่าถ้ำแรก มีขนาดยาว ๑๔.๕๕ เมตร และกว้าง ๑๔ เมตรเศษ
มีระเบียงอยู่ด้านหน้า ด้านหลังมีเสาสี่ต้น รูปทรงกลม
มีเสาสี่เหลี่ยมจตุรัสอยู่ข้างหน้า และอีกสองเสาอยู่ด้านหลังสุด มีห้องเล็กๆ
อยู่ข้างละห้องกว้างยาวเมตรเศษ มีห้องโถงอยู่ ๓ แถว
ด้านในมีภาพเจ้าหญิงเปลือยอกแต่สวยงาม เรียกว่า นาคกุมารี
บนเพดานประดับด้วยภาพหงส์จำนวนมาก ภาพพระนางสิริมหามายาเล่าความฝันต่อพระสวามี
มีภาพตอนประสูติของพระพุทธเจ้าอยู่กำแพงด้านซ้ายมือ
นอกจากนั้นภายในห้องด้านซ้ายมีพระพุทธรูปและพระอัครสาวกคือ
พระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร ด้านซ้ายมีภาพแกะสลักนางหาริตินั่งอุ้มเด็กไว้ที่ตักด้านซ้ายและปัญจสิกะรูปร่างสมบูรณ์นั่งเคียงข้าง
ที่ถ้ำนี้มีภาพชาดกที่น่าสนใจคือ
๑.
รุสุชาดก
๒.
ขันติชาดก
๓.
หังสชาดก พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาหงส์ในป่าหิมพานต์
๔. วิธูรบัณฑิตชาดกถ้ำหมายเลข ๒๖ ลักษณะเป็นถ้ำเจดีย์ (เจติยสถาน) ด้านในมีพระประธานขนาดใหญ่จำนวน ๒ องค์ สูงองค์ละ ๔ เมตรเศษ มีทางเข้า ๓ ด้าน ที่ผนังด้านซ้ายมือ (เมื่อเข้าไป) มีพระพุทธรูปปางพุทธไสยาสน์ (นอน) ถูกแกะสลักไว้ที่นี่ความยาว ๗ เมตร หรือ ๒๓ ฟุต พร้อมกับพญามาร ที่ด้านซ้ายของผนังถ้ำรายรอบพระพุทธรูปมีพระสาวกและพุทธบริษัทอยู่ในลักษณะที่เศร้าโศกอย่างยิ่งต่อการจากไปของพระศาสดา ด้านบนภาพมีเหล่าเทวดากำลังบูชาด้วยดอกไม้ทิพย์ ความกว้างของถ้ำนี้ประมาณ ๒๐ เมตร ผนังด้านซ้ายแกะภาพพุทธประวัติ เช่น พระพุทธเจ้าประทับนั่งใต้ต้นโพธิ์ ภาพกองทัพมากำลังโจมตีพระพุทธเจ้าใต้ต้นโพธิ์ ภาพบุตรสาวเสนามาร คือ นางตัณหา นางราคะและนางอรดี กำลังทำท่าร่ายรำกายเพื่อยั่วยวนพระศาสดา ในคราวที่เสวยสุขสัปดาห์ที่ ๕ ใต้ต้นอชปาลนิโครธ และภาพพระยามารกำลังเศร้าโศกเสียใจที่พระพุทธองค์สามารถข้ามพ้นจากอำนาจของตนเองได้
ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ เยือนอินเดีย ตามรอยอารยะธรรมพุทธ ของ พระมหา
ดร.ดาวสยาม วชิรปญฺโญ
ดูรูปภาพเพิ่มเติม CLICK
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น