ในวันเดินทางจากเมืองคยาสู่เมืองพาราณสีผมเลือกเดินทางโดยรถไปเพราะว่ามีหลวงเพื่อนเดินทางมารับที่เมืองคยา เราเดินทางออกจากพุทธคยาโดยมีพี่กล้วยเป็นคนขับรถมาส่งที่สถานนีรถไฟคยา เส้นทางที่อินเดียคงไม่ต้องมีการอธิบายให้ยากความเพราะหินสุดยอด (ขนาดในเมืองนะ)
หลังจากที่พี่กล้วยและแม่ชีที่รู้จักได้เดินทางกลับหลังจากที่ได้ส่งพระเพื่อนกับผมที่สถานีรถไฟแล้ว พวกเราก็ต้องรถไฟครับ เพราะไม่ใช่สถานีต้นทาง แต่ก็รอไม่นานครับ สักพักก็มาแล้วๆๆๆ เอาสิขบวนไหนหล่ะ “SLEEPER” หลวงเพื่อนบอก แล้วผมจะรู้ไหมนั่น ไม่เคยมาด้วย ท่านบอกว่าให้ดูข้างตู้มันจะบอกไว้และดูด้วยว่าตู้อะไร (แล้วจะรู้ไหมนั่น นี่มาครั้งแรกนะหลวงเพื่อน) แต่เขาก็พาผมขึ้นรถไฟจนได้ครับ ขึ้นไปแล้วก็ใช่ว่าจะมีที่นั่งนะครับ แน่หล่ะสิ คุณมีตั๋ว มีซิท แต่พี่แขกยึดเราต้องบอกว่ามายซิท (จะลุกไหมหากไม่ลุกฟ้องตำรวจนะ) มันต้องยอมสิเราขู่ไปงั้นแหละแล้วจะมาเล่าให้ทีหลังว่าทำไมแขกถึงกลัวตำรวจกันนัก ได้ที่นั่งแล้ว (ก็นั่งสิครับจะยืนให้เมื่อยทำไมจริงป่ะ) หลวงพี่ไม่ทำไรครับตั้งท่านอนแล้วก็เข้าไปรายงานตัวกับพระพุทธองค์เป็นที่เรียบร้อย แล้วไง แล้วผมหล่ะ หลับก็ไม่ได้กลัวของหาย (หายไปแล้วตอนลงเครื่องหนึ่งใบ) ไม่ได้นอนครับ ฟังแขกมันพูดกันเราก็ทำหน้าว่าเข้าใจที่มันพูดละกัน พอเดินทางมาถึงแม่น้ำโซน(น่าจะเขียนแบบนี้นะ) หลวงพี่ท่านก็กลับมาแล้วจากการเข้าไปฟังธรรมของพระพุทธองค์ ท่านก็บอกว่าแม่น้ำนี้ใหญ่และยาวหลายโล สะพานก็สร้างมาได้ซักห้าปีไม่เห็นจะเสร็จซักที(หากที่ไทยคงเสร็จไปแว้ววว) และแล้วรถไฟก็ผ่านไปแล้วหลวงเพื่อนก็เริ่มบรรยายว่าแบบโน้นแบบนี้ตามประสาพระที่เดินทางมาอยู่อินเดีย และท่านก็บอกให้หลับก็ได้(รอคำนี้มานานแล้วหล่ะ) หลับเลยครับแต่ก็ไม่สนิทรถไฟไม่ค่อยดังหรอกแต่คนขายของสิเยอะมากมายก็คล้ายบ้านเราครับ พอมองไปทางหลงเพื่อนเอาสิไปกราบพระพุทธองค์อีกแล้ว แต่เวลานั้นไม่สนแล้วหลับต่อตื่นอีกทีตอนเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วก็แจกแจงกันไปเขาดูพาสปอร์ท (ส่วนหลวงเพื่อนเป็นนักศึกษาแค่โชว์บัตรนักศึกษาก็ผ่านฉลุย)
หลังจากเดินทางมานานก็ถึงสถานีปลายทางที่เรากำหนดไว้แล้ว นั่นก็คือมงคลสาหล่าย (Mongkol Salai Station) ชานชะลาที่นี่เยอะมากหลวงเพือนบอกว่าที่นี่คล้ายกับชุมทางสายใหญ่รถไฟที่จะเดินทางจากเดลีไปโกลกัลตาหรือจากเดลีไปโกลกัลตาต้องผ่านที่นี่ นักท่องเที่ยวส่วนมากที่มาพาราณสีก็มักจะมาขึ้นหรือลงรถไฟที่นี่ทั้งสิ้น หลังจากที่ขนกระเป๋าหารถได้แล้ว(ราคาก็ตามตกลงกันไว้ ผมเดินทางไปที่ BHU ก็อยู่ที่ร้อยห้าสิบไม่เกินนี้เพราะตอนนั้นกลางคืน) ทางที่พี่เขาพามานะครับหินสุดๆ ผ่านทางปราสาทแดงหรือวังพระเจ้าพรหมทัต ทางข้ามแม่น้ำคงคากำลังสร้างเราต้องข้ามทางที่เขาทำให้เป็นทุ่นและมีไม้พาดให้รถผ่านได้ กว่าจะผ่านมาได้ผมนี่รู้สึกว่าท้องไส้กลับด้านได้แล้วหล่ะ ผ่านมาก็ถึงหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยบานารัสฮินดู(BANARAS HINDU UNIVERSITY) แต่อากาศช่วงนั้นหนาวมากไม่ในอะไรหรอกครับหลวงเพื่อนพามาที่หอเสนฯ แล้วก็อาบน้ำนอนเลยข้าวนี่ไม่ต้องถามครับหนาวจนหายหิวเลยแหละช่วงนั้น ว่าแล้วก็นอนเลยละกัน คร๊อกกก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น