พาราณสีเมืองของพระศิวะเป็นเมืองที่เกี่ยวข้องกับศาสนา และเป็นเมืองที่ชาวฮินดูมาแสวงหาความหลุดพ้น พาราณสีมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปหลายชื่อ พาราณสีเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเป็นเวลาหลายพันปีแล้วที่เมืองนี้ไม่เว้นว่างจากผู้คน เมืองพาราณสีตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของฝั่งแม่น้ำคงคา และยังเป็นที่จาริกบุญของชาวฮินดูนับล้านๆคน สารนาถเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมครั้งแรกให้กับปัจจะวักคี
ปาร์ศวานาท (Parshvanath) ศาสดาองค์ที่ 23 ของศาสนาเชน และ ปตัญชลี (Patanjali) มหาโยคีที่รวบรวมโยคะสูตร ก็อยู่ที่เมืองพาราณสีนี้เช่นกัน พาราณสีมีการเชื่อมโยงกันในหลายด้านทางประวัติสาสตร์ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงกับแม่น้ำคงคา สิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเมืองพาราณสีคือ กาบีร์ (Kabir) เป็นกวีชาวอินเดีย สมัยต้นศตวรรษที่ 15 เป็นนักคิดทางด้านจิตวิญญาณของชาวอินเดียในยุคนั้น และตุลซี (Tulsi) หรือ ต้นกระเพราเป็นพืชที่บูชามามากกว่า 5 พันปี สองสิ่งนี้เป็นรากประเพณีและวัฒนธรรมอันเก่าแก่
การรักษาวัฒนธรรมอันเก่าแก่ให้คงอยู่ คนเมืองพาราณสีพยายามอย่างหนักเพื่อบรรลุให้ถึงจุดประสงค์ พวกเขาร่วมมือกันทำทุกวิธีทาง ในเมืองพาราณสีไม่สามารถมองเห็นความแตกต่างของทุก วรรณะ ความโลภ และศาสนา แต่พวกเราสามารถเห็นความแตกต่างภายนอก แต่กระนั้นก็ยังมีความสามัคีอยู่ภายใน หรือจะพูดให้ง่ายๆคือ มีความสามัคคีในความแตกแยก ทุกประเทศทั่วโลกยอมรับความพยายามและความสามัคคีของเมืองพาราณสีแห่งนี้ นักท่องเที่ยวและหลายคนจากทั่วทิศต่างมาเยี่ยมชมพาราณสีแห่งนี้
มีความเชื่อกันว่าเมืองพาราณสีตั้งอยู่บนอาวุธสามง่าม หรือตรีศูลของพระศิวะ พาราณสี (Visheshvara) อยู่บนทางแยกตรงกลาง โอมการ์ศิวะรา (Omkareshvara) ทางตอนเหนือ และกีดาร์ฮาวะรา(Kedareahvara) ตั้งอยู่ตอนใต้ ของตรีศูลของพระศิวะ พระศิวะอยู่ทุกๆที่และมีพลังงานไหลออกมาจากผมซึ่งเป็นตัวแทนของแม่น้ำคงคา พาราณสีเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และเก่าแก่กว่าประวัติศาสตร์ พาราณสีถูกทำลายโดยการรุกรานของกองทัพมุสลิมถึง 4 ครั้ง ในช่วงศตวรรษที่ 11 ถึงศตวรรษที่ 17 ทุกครั้งที่มารุกรานเมืองพาราณสีก็สร้างขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง ในเมืองพาราณสีมีวัดฮินดูมากกว่า 3000 แห่ง, มัสยิด 1400 แห่ง, โบสถ์คริสต์ 12 แห่ง, วัดพุทธ 9 แห่ง, วัดเชน 3 แห่ง, วัดซิก 3 แห่ง พาราณสีมีหลากหลายชื่อนับตั้งแต่อดีตกาลมาแล้ว เช่น กาสี (Kashi), พาราณสี (Varanasi), บานารัส (Banaras), อวิมุกตา (Avimukta), อนันด์วาน (Anandvan), รูดาร์วาสะ (Rudravasa), มหาสมาชนา (Mahasmashana) ฯลฯ
กาสี (Kashi) : คำว่า kashi เอามาจาก คัมภีร์อัธารวเวทะ (Atharva Veda) หมายถึง การเจิดจรัดของแสงแห่งจักรวาล (concentration of cosmic light) กาสี แสดงถึง โมกษะ (Moksha) หรือการหลุดพ้นเพื่อทุกๆคน กาสีเกิดจากชื่อของ กาชา (Kasha) เป็นกษัตริย์องค์ที่ 7 ของกาสี ชาวฮินดูในพาราณสีเรียก "กาสี" เพราะว่า แสงยามเช้าจากพระอาทิตย์ฉายข้ามแม่น้ำคงคามาจนกระทบชายฝั่งของเมือง
พาราณสี (Varanasi) : ชื่อนี้นิยมเรียกกันในปัจจุบันนี้ Varanasi มาจากการรวมกันของ 2 คำ คือ Varuna + Assi เพราะว่าแม่น้ำคงคานี้ไหลอยู่ระหว่าแม่น้ำวรุนา (Varuna river) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือ กับแม่น้ำอัสสี (Assi river) ซึ่งอยู่ทางใต้ มีความเชื่อกันว่าทั้งสองแม่น้ำนี้เกิดจากขาซ้ายและขาขวาของพระวิษณุที่นอนอยู่ที่ เมืองอัลลาฮาบาด (Allahabad) เขตพาร์ยัก (Prayag) ทั้งสองแม่น้ำถูกสร้างโดยพระเจ้า เป็นแม่น้ำที่ป้องกันทางเข้าประตูนรกเอาไว้
บานารัส (Banaras) : ชื่อเมืองนี้เรียกได้สองรูปแบบคือ บานารัส (Banaras) หรือ บาราณสี (Banarasi) ซึ่งนิยมปรากฏอยู่ในคัมภีร์ศาสนาพุทธ ที่ใช้ภาษาบาลีในการบันทึก ในช่วงเวลาที่มุสลิมและอังกฤษเข้ามาปกครอง ชื่อเมืองนี้นิยมเรียกว่า บานารัส (Banaras) มากกว่า พาราณสี (Varanasi) อีกหนึ่งความหมายของ บานารัส คือ Banaras = Bana (Readymade) + Ras (Juice) ดังนั้น บานาเรส (Banarase) หมายถึง สถานนที่ที่มีน้ำผลไม้สำเร็จรูปของชีวิตอยู่เสมอ (a place where readymade juice of life is always available)
อวิมุกตา (Avimukta) : ตามที่ปรากฏในวรรณคดีฮินดู พระศิวะ พูดว่า "เพราะฉันไม่เคยละทิ้งมัน สถานที่ที่ดีแห่งนี้ เพราะฉะนั้นรู้จักกันในนาม อวิมุกตา (ไม่เคยทอดทิ้ง)"
อนันด์วาน (Anandvan) : พระศิวะพูด "คำพูดของเราอยู่ทุกๆที่ เหมือนกับการแตกหน่อขึ้นออกจากความสุขที่แท้จริง" (กล่าวถึงใน กาสี ราฮาส์ยา [Kashi Rahasya]) ดังนั้นมันคือป่าแห่งความเพลิดเพลิน (Anand + Van = Anandvan)
รูดาร์วาสะ (Rudravasa) : เหตุที่ชื่อรูดาร์วาสะเพราะว่า พระศิวะอาศัยอยู่ที่นี่และปกป้อง
มหาสมาชนา (Mahasmashana) หมายถึง พื้นที่แห่งการเผาศพที่ยิ่งใหญ่ : ที่เมืองทั้งเมืองเป็นพื้นดินเผาศพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยมีผู้ควบคุมคือพระศิวะ คำว่า Mahasmashana มาจากการรวมคำของ 3 คำ คือ Maha (ยิ่งใหญ่) และ Sma (ศพคนตาย) และ Shan (ส่วนที่เหลือสุดท้าย) องค์ประกอบพื้นฐานทั้งหมด 5 ชนิด (ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ) ที่มีอยู่ในร่างกาย ปัจจุบันนี้มีท่าน้ำสำหรับเผาศพอยู่ 2 ที่ คือ Harishchandra ghat และ Manikarnika ghat ในเมืองพาราณสี ในแต่ละปีจะมีศพมาเผาที่สองท่าน้ำนี้มากกว่า 50,000 ศพ คนฮินดูจากทั่วอินเดียจะมาตายเพื่อผ่อนคลายก่อนที่จะตาย
ขอบคุณพี่ตุ่นโน แห่ง BHU
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น