ครั้งก่อนได้เล่าค้างไว้ตอนเดินทางมาถึงสนามบินโกลกาตา อากาศเย็นครับ บ้านเราประมาณบ่ายสองโมง เข้าไปด่านให้เขาเช็คพาสปอร์ตรอซักชั่วโมงครึ่ง เอ๊าในสุดก็ถึงคิวเราแล้ว เย้! ดีใจจัง ตอนยื่นพาสปอร์ตให้แขกมันมองหน้าเราก็มองหน้ามัน (คิดในใจจะผ่านไหมเนี่ยเรา สาธุ ด้วยบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญมาขอให้ผ่านด้วยเถิด) รู้เหมือนว่าจะได้สร้างบุญมาดี ผ่านครับ ผ่านแล้ว เดินเข้าไปๆ พี่แขกที่ยืนหน้าทางจะเข้าไปเอากระเป๋ามันแบมือ เราก็งงสิ ทำไรอ่ะพี่ มันบอกขอดูพาสปอร์ต จัดให้มันไปครับ ผ่านอีก(ก็ผ่านมาแล้วจะตรวจไรอีกหล่ะ)
มายืนรอกระเป๋า รอ รอ คณะทัวร์ที่มาด้วยกันเอาสิครับเขาได้กระเป๋ากันแล้วกระเป๋าผมหล่ะ มาแล้วครับใบแรก แล้วใบที่สอง ไม่มา รอครับ ไม่มา หมดแล้วที่โหลดมา เริ่มเซ็งครับกระเป๋าผมหาย และยังมีอีกใบที่หายเป็นของป้าอิง(ผมจำชื่อไม่ค่อยได้) หายเหมือนกัน ดีใจชื้นขึ้นมาหน่อยครับ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ผมคนเดียว เอาสิครับ เอาไงต่อ พอแขกมันเห็นเราเริ่มโวยวายก็เข้ามาครับ มาถามเป็นไร ได้ทีเราก็ซัดไปเลย กระเป่าหายต้องการติดต่อเจ้าหน้าที่บริษัทสายการบินครับ มันบอกให้ไปถามที่ INFORMATION เอาสิ มองไปดูไม่มีคนแล้วจะให้ไปถามผีแขกหรือไง สักครู่มีคนมาหาครับ บอกว่ามาจากบริษัทสายการบินที่คุณมา ต้องการให้ช่วยอะไรไหม เราก็บอกไปว่ากระเป๋าของผมและของป้าคนหนึ่งหายไป เขาก็ไปเอาเอกสารมาครับให้เรากรอก กรอกแล้วก็บอกให้เราไปติดต่อที่ออฟฟิซของบริษัท แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกจะได้เข้าไปหาเลย เข้าไปแล้วก็บอกครับ แต่คำตอบที่ได้มาคือ ให้คุณรอแล้วจะติดตามให้เราก็บอกมีธุระด่วนจะไปแล้วไม่มีเวลา มันบอกจะส่งไปให้ที่เมืองไทย แล้วผมสิ ไม่กลับง่ายแล้วจะให้ทำยังไง เอายังไง แต่คณะที่ผมมาด้วยรีบครับ เลยต้อง โอเค ไปก่อน
หารถครับ มาอินเดียครั้งแรก ตกใจนึกว่ารถเหมือนบ้านเรา เก๋ง รถตู้ รถบัส ไม่ครับรถจริง แต่ไม่ใช่แบบที่คิด ผิดคาดครับงานนี้แต่ก็ต้องไปเพราะรีบ ต้องไปให้ถึงพุทธคยาให้เร็วที่สุด (จะได้พักผ่อน นอนหลับ) เมื่อได้แล้วก็จัดการเลยครับ มันบอกหกชั่วโมง เหอๆ นอนหลับยาวเลยครับงานนี้
ก่อนจะไปถึงคยา ไหนๆ ก็เอ่ยถึงโกลกาตาแล้ว ก็ขอเล่าประวัติให้เล็กน้อย หากไม่อ่านก็ข้ามไปครับ ไม่ว่าแต่อยากให้อ่านเพื่อความรู้ๆ เอาละนะ ตั้งใจฟัง(อ่าน) จะเล่าละ ไปกันเลย
โกลกาตา (Kolkata) หรือชื่อเดิม กัลกัตตา (Calcutta) เป็นเมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำฮูคลี ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองนี้มีจำนวนประชากร 4,580,544 คน (พ.ศ. 2544) ซึ่งหากนับรวมในเขตเมืองรอบนอกด้วยก็จะมีจำนวนมากกว่า 14 ล้านคน ทำให้เมืองนี้เป็นกลุ่มเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ
โกลกาตาเคยเป็นเมืองหลวงของอินเดียในสมัยการปกครองของอังกฤษ จึงทำให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการศึกษาสมัยใหม่ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง (จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2454 ได้มีการย้ายเมืองหลวงไปนิวเดลี) อย่างไรก็ตาม โกลกาตาประสบกับภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจเป็นเวลานานติดต่อกันหลายปีหลังจากอินเดียได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2490 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา การฟื้นฟูและการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ได้นำไปสู่ความเจริญเติบโตของเมืองอย่างเต็มที่ แต่ก็เช่นเดียวกับเมืองใหญ่แห่งอื่น ๆ ในอินเดีย โกลกาตาต้องเผชิญกับปัญหาเมืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความยากจน ปัญหามลภาวะ ปัญหาการจราจรติดขัด เป็นต้น นอกจากนี้ โกลกาตายังมีชื่อเสียงด้านประวัติศาสตร์การปฏิวัติ ตั้งแต่การเรียกร้องเอกราชของอินเดีย ไปจนถึงขบวนการฝ่ายซ้ายและสหภาพการค้าต่าง ๆ อีกด้วย
เป็นไปได้ว่าชื่อโกลกาตาและ "กัลกัตตา" นั้นอาจจะมาจาก กาลิกาตา ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่บ้านสามแห่ง (กาลิกาตา สุตนุติ และโคพินทปุระ) ในพื้นที่แถบนี้ก่อนการเข้ามาของอังกฤษ ซึ่งสันนิษฐานว่า "กาลิกาตา" นั้นเป็นรูปในภาษาอังกฤษของคำว่า กาลีเกษตร ("ดินแดนของพระแม่กาลี") หรือมาจากคำในภาษาเบงกาลีว่า กิกิลา ("ที่ราบ") หรืออาจมีต้นกำเนิดจากคำพื้นเมืองที่ใช้เรียกชื่อคลองธรรมชาติสายหนึ่ง คือ คาล ตามด้วย กัตตา แม้ว่าในภาษาเบงกาลีซึ่งเป็นภาษาของท้องถิ่นจะเรียกชื่อเมืองนี้ว่า "โกลกาตา" มาตลอด แต่ชื่อภาษาอังกฤษของเมืองก็เพิ่งถูกเปลี่ยนจาก "กัลกัตตา" เป็น "โกลกาตา" ตามการออกเสียงในภาษาดังกล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2544 นี้เอง บางคนมองว่านี่เป็นหนึ่งในการเคลื่อนไหวเพื่อลบล้างสิ่งที่เป็นมรดกตกทอดจากการปกครองของอังกฤษ